NET Framework คืออะไร
ก่อนที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับภาษาโปรแกรมวิชวลเบสิค (VB.NET) เราจำเป็นที่ต้องรู้จักกับเทคโนโลยี .NET Framework ก่อน เพราะ VB.NET นั้นจะเป็นส่วนหนึ่งของ .NET Framework ดังนั้นการที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับ VB.NET ให้เข้าใจ และรู้ว่าแอพลิเคชั่นที่เราสร้างขึ้น ทำงานได้อย่างไรนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องทาบและเข้าใจแนวคิดรวมทั้งหลักการทำงานของ .NET Framework ให้ดีก่อน
แนวคิดของไมโครซอฟท์ในโครงการ .NET
.NET คือ คำนิยามของไมโครซอฟท์ สำหรับการให้บริการแอพพลิเคชั่นต่างๆผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเพื่อรองรับความต้องการใช้งานคอมพิวเตอร์ในยุคอินเทอร์เน็ต ผู้บริหารไมโครซอฟท์ Bill Gatesและ Steve Ballmer ได้สรุปวิสัยทัศน์เกี่ยวกับ .NET เอาไว้หลักๆ คือ
1.การพัฒนาโปรแกรมจะมุ่งสู่รูปแบบเว็บเซอร์วิส ซึ่งจะเป็นแกนหลักสำหรับขับเคลื่อนแอพพลิเคชั่นต่างๆ
ที่ใช้ในระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเว็บเซอร์วิสจะเป็นส่วนช่วยให้การติดต่อสื่อสารระหว่างแอพพลิเคชั่นต่างๆบนอินเทอร์เน็ตนั้นสะดวกและเป็นระบบมากยิ่งขึ้น
2.เว็บเซอร์วิสจะพัฒนากลายเป็นมาตราฐานที่นิยมใช้กันทั่วไป สามารถเรียกใช้ได้ในระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เช่นระบบตรวจสอบและจดจำการล็อกอินเข้าระบบ เป็นต้น
3.อุปกรณ์เครื่องใช้ที่สามารถเชื่อมต่อเข้ากับระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์,Mobile Device จะเข้ามามีบทบาทในการอำนวยความสะดวกในการดำเนินชีวิตของเรามากขึ้น เมื่อสามารถติดต่อใช้งานแอพพลิเคชั่นต่างๆ บนอินเทอร์เน็ตได้
“Web Service คือ แอพพลิเคชั่น รูปแบบใหม่ที่อยู่ในรูปแบบของ “บริการ” ที่สามารถเรียกใช้งานผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยไม่ขึ้นกับแพลตฟอร์ม”
ประโยชน์ของผู้พัฒนาโปรแกรมด้านผู้พัฒนาโปรแกรมในแพลตฟอร์ม .NET จะมีความสะดวกขึ้น เพราะผู้พัฒนาสามารถเลือกใช้ภาษาโปรแกรมใดๆก็ได้ที่ตัวเองถนัดในการพัฒนาแอพพลิเคชั่นเพราะแอพพลิเคชั่นหนึ่งอาจเกิดจากการเขียนโปรแกรมด้วยภาษาโปรแกรมมากกว่าหนึ่งภาษาก็ได้ประโยชน์ของผู้ใช้โปรแกรม
และถ้าเรามองด้านผู้ใช้งานต่อไปเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งก็อาจจะมีเพียงระบบปฏิบัติการกับโปรแกรมที่สำคัญๆสำหรับรองรับการใช้งานแอพพลิเคชั่นบนอินเทอร์เน็ตก็เพียงพอแล้ว แต่จะสามารถทำงานต่างๆได้ครบถ้วนเท่าเทียมกันทุกเครื่อง เพราะสามารถโหลดใช้งานโปรแกรมที่ต้องการได้ผ่านทางอินเทอร์เน็ต การจ่ายค่า
ใช้งานซอฟท์แวร์ ก็อาจจะจ่ายเป็นค่าเช่าเป็นครั้งๆ หรือรายชั่วโมง ก็แล้วแต่

สถาปัตยกรรม .NET Framework

Microsoft .NET Framework จะแบ่งเป็นส่วนหลักๆ ที่สำคัญ คือ 1. Common Language Runtime (CLR) เป็นส่วนสำคัญของ .NET Framework ถือเป็นรากฐานของแพลตฟอร์ม .NET หน้าที่ของ CLR ก็คือเป็นเครื่องมือ(execution engine)ในการประมวลผล และจัดการ โปรแกรมที่คอมไพล์แล้วให้ทำงานได้บนระบบปฏิบัติการ Windows โดย CLR จะแปลงโค้ดในรูป MSIL ไปเป็นคำสั่งภาษาเครื่อง (Machine language) โดยใช้เทคโนโลยีการแปลงแบบ Just In Time(JIT) คือแปลง เฉพาะส่วนที่นำมาใช้เท่านั้น นอกจากนี้ CLR ยังทำหน้าที่ติดต่อกับระบบปฏิบัติการ, จัดสรรหน่วยความจำให้กับโปรแกรมต่างๆและคืนหน่วยความจำที่ไม่ถูกใช้งานแล้วให้กับระบบ 2. .NET Framework Base Class Libraries จะเป็นคลาสไลบรารี่ที่ช่วยเราสร้างแอพพลิเคชั่นบนแพลตฟอร์ม .NET โดยที่ Class Libraries นี้ จะซ่อนรายละเอียดของ Windows API เอาไว้ ซึ่ง Windows API นี้จะเป็นฟังก์ชั่นพื้นฐานที่วินโดวส์เตรียมไว้ให้กับนักพัฒนา Base Class นี้ครอบคลุมถึงสิ่งที่จำเป็นในการพัฒนาโปรแกรม เช่น การจัดการอินพุต/เอาพุต การจัดการข้อมูลชนิดสริง การจัดการกราฟิก การจัดการเกี่ยวกับความปลอดภัยของระบบ 3. ASP.NET ให้โครงสร้างพื้นฐานในการพัฒนา ASP.NET เว็บแอพพลิเคชั่น และให้กลุ่มคอนโทรลต่างๆที่ใช้ในการสร้าง ความแตกต่างระหว่าง CLR กับ JVM

Class พื้นฐานของ .NET Framework


.Net Framework ได้เตรียมบริการ (Service) และคลาสสำหรับการจัดการข้อมูล เช่น ADO.NETsหรือการอ่านและเขียนไฟล์ และเรื่องระบบความปลอดภัย เป็นต้น นอกจากนี้ก็จะรวมโมดูลที่ทำให้เราทำงานกับ
XML ได้สะดวกขึ้นภาษาทุกๆภาษาที่สนับสนุน .Net Framework จะเข้าถึง Class Libraries ต่างๆเหล่านี้ได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งหมายความว่าทุกภาษาจะใช้ฟังก์ชั่นเดียวกัน ใน .Net จะมีการจัดคลาสที่มีการทำงานคล้ายๆกันไว้ใน
กลุ่มเดียวกัน เราเรียกว่า Namespace การทำงานทุกอย่างของคลาสพื้นฐานใน .Net framework จะอยู่ในnamespace ที่เราเรียกว่า Systemชื่อ Namespace รายละเอียด
System.Data คลาสที่เกี่ยวกับการติดต่อฐานข้อมูล เช่น DataSet, DataTable,DataColume, SQLConnectionSystem.Diagnostics คลาสที่ใช้ในการดีบักแอพพลิเคชั่น และตรวจสอบการทำงานของโค้ด เช่น
Trace, DebugSystem.IO คลาสที่ใช้ในการอ่าน เขียนไฟล์ เช่น File, FileStream, Path,StreamReader, StreamWriterSystem.Math คลาสที่ใช้คำนวณค่าต่างๆ สมการทางคณิตศาสตร์ เช่น ตรีโกณมิติ หรือ
ลอการิทึมVB.NET

VB.NET คืออะไร


VB.NET ย่อมาจาก Visual Basic.NET เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ที่บ.ไมโครซอฟต์นำเอา VisualBasic 6 ซึ่งเป็นรุ่นก่อนหน้านี้มาพัฒนาด้วยการเพิ่มเติมความสามารถของเทคโนโลยี .Net Framework เข้าไป
หรืออาจเรียกว่าเป็นเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดของภาษา Visual basic ก็ได้ ทั้งนี้เพื่อทำให้ VB.NET เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ที่สามารถใช้พัฒนาโปรแกรมทั้งบนระบบปฏิบัติการวินโดวส์(Windows Application) และ
บนระบบอินเทอร์เน็ตที่เราเรียกกันว่า Web Application และ Web Serviceกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ VB.NET เป็นเครื่องมือที่ใช้พัฒนาโปรแกรมแบบ Visual Programming บน
ระบบปฏิบัติการ Windows ซึ่งเป็นภาษาโปรแกรมที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายสิ่งที่โดดเด่นก็คือการปรับเปลี่ยนภาษาเป็นลักษณะ OOP (Object-Oriented Programming) เต็มตัว
เหมือนกับภาษาอื่นๆ เช่น C++ , Java, หรือ C#โดยทั่วไป VB.NET ถือเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องมือพัฒนาในชุดโปรแกรม Visual Studio .NET แต่
ทั้งนี้ในรุ่นปัจจุบันก็ได้มีเวอร์ชั่น Standard หรือ VB Express ที่ไม่ได้รวมอยู่ในชุด VS.NET อีกด้วย

ความสามารถของ VB.NET


1. โปรแกรมทั่วไปที่ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Windows โดยเราสามารถสร้างโปรแกรมทางด้านกราฟิกโปรแกรมการจัดการไฟล์ต่างๆ
2. โปรแกรมที่ทำงานเกี่ยวกับฐานข้อมูล VB.NET มีเครื่องมือต่างๆที่ทำงานเกี่ยวกับการสร้างโปรแกรมฐานข้อมูลทำให้การสร้างโปรแกรมด้านฐานข้อมูลเป็นเรื่องที่ง่าย เช่น การติดต่อฐานข้อมูล ก็มีเครื่องมือช่วยให้สามารถติดต่อได้หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น ผลิตภัณฑ์ของไมโครซอฟต์ เช่น MS Access หรือ MS SQL Server หรือว่า โปรแกรม
ฐานข้อมูลอื่นๆ เช่น Oracle หรือ My SQL เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือช่วยในการทำรายงาน (report) ที่ง่ายและมีประสิทธิภาพคือ Crystal Report
3. สร้างคอมโพเนนต์หรือคอนโทรล ที่ไว้สำหรับใช้ในแอพพลิเคชั่น
4. สร้างโปรแกรมที่ทำงานบนอินเทอร์เน็ต ที่เราเรียกว่าการสร้างเว็บฟอร์ม ได้อย่างง่ายดายเหมือนกับการสร้างฟอร์มบนวินโดวส์
5. สร้างบริการที่เรียกว่า เว็บเซอร์วิส (Web Services)ในการเขียนโปรแกรมด้วย VB.Net เราจะพบคำว่า Class และ Object เนื่องจาก VB.Net ได้ปรับปรุงเป็น
โปรแกรมที่รองรับการพัฒนาในรูปแบบ Object Oriented ซึ่งคลาสนั้นจะเป็นสิ่งที่เราใช้นิยามออปเจค(เปรียบเสมือนพิมพ์เขียวเพื่อใช้สร้างวัตถุต่างๆ)


 

 

 

 

 

 

 

 

Free Web Hosting